วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

สาเหตุ ที่มา

คำถาม ปัญหาในการแต่งกายของเด็กนักเรียนโรงเรียนชะอวด ทำไมนิยมแต่งกายรัดรูปมากกว่าเด็กที่แต่งกายเรียบร้อย เพราะเหตุใด อย่างไร

     สาเหตุ

1. สาเหตุหลักของการแต่งการผิดระเบียบของนักศึกษา ส่วนใหญ่มาจาก "แฟชัน"ขณะที่นักศึกษาหญิงบางคนก็บอกว่า...ที่ต้องใส่เพราะไม่มีทางเลือก อย่างรายของ ช่อลัดดา ที่ระบุว่า... จำเป็นต้องใส่ตามคนอื่น เพราะทำไปทำมากลายเป็นว่าร้านขายชุดนักศึกษาทั่วไปไม่นิยมทำชุดมาตรฐานขาย อย่างเสื้อก็จะทำแต่ไซซ์นิยมคือ SS หรือ SSS ทั้งที่เธอเองก็อยากจะให้ถูกระเบียบสถาบัน...แต่ก็ยาก“ยุคนี้หาชุดถูกระเบียบเป๊ะ ๆ ยาก เดี๋ยวนี้ร้านไหนขายเสื้อถูกระเบียบ...ไม่มีแล้ว ขายไม่ได้ นักศึกษาเองเขาก็ไม่นิยมใส่ ยุคนี้ไม่มีใครสนใจแล้ว...ใครจะมองก็มองไป กลายเป็นมาตรฐานในกลุ่มนักศึกษาไปหมดแล้ว ใครไม่ใส่สิเชย จะถูกมองว่าเป็นคนแปลกประหลาด”...เป็นคำกล่าวของนักศึกษาหญิงรายนี้ ซึ่งเธอยอมรับว่า... ที่เธอต้องแต่งชุดนักศึกษาแบบที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันมากนี้ ส่วนสำคัญส่วนหนึ่งก็เกิด “สังคมเพื่อนนักศึกษาพาไป” ด้วย... “แรก ๆ ใส่ก็อาย แต่นานไปก็กลายเป็นมั่นใจ” ...เธอว่าจากคนที่ทานกระแส สู่คนที่ปล่อยตัวไปตามกระแส มาต่อกันด้วยนักศึกษาหญิงที่อยู่แถวหน้าของกระแสแฟชั่นชุดนักศึกษาหญิงรัดติ้ว-สั้นเต่อที่ชื่อ อัญชลี ที่บอกไว้ว่า... ถึงเธอจะแต่งตัวแบบนี้ แต่การเรียนก็ไม่เคยตก บางคนแต่งตัวสุดเปรี้ยวแต่ผลการเรียนดีมาก เป็นคนที่เก่งที่สุดในห้องก็มี 2. บางส่วนก็เข้าใจว่า สิ่งที่ทำไม่ได้เสียหายกับคนอื่น" อย่าใช้เรื่องการแต่งตัวมาเป็นมาตรฐานชี้วัดได้มั้ย ผู้ใหญ่ควรจะดูที่ความคิดหรือที่ผลการเรียนจะดีกว่ามาคอยนั่งจับผิดเรื่องแบบนี้ ไม่อยากให้เหมารวมว่านักศึกษาที่แต่งตัวแบบนี้เป็นเด็กไม่ดี เป็นเด็กใจแตก เพราะคนเราจะดีหรือไม่ดีไม่ได้ขึ้นกับการแต่งกาย” ...อัญชลีกล่าวเสียงฉุน ๆ ก่อนจะบอกต่อไปอีกว่า... สำหรับเธอแล้วการแต่งตัวแบบนี้เหมือนเป็นการ “คลายเครียด” เป็นการ “ระบายอารมณ์” อย่างหนึ่ง และไม่ปฏิเสธว่าการ “แหกกฎ” ในบางเรื่อง การทำผิดระเบียบ ทำให้ “สนุก”"3. สาเหตุสุดท้าย คือการโทษสถาบัน“ฝ่ายสถาบันการศึกษาเองก็ผิด ที่มีส่วนปล่อยให้กระแสแบบนี้ลามไปทั่วจนยับยั้งยาก รวมถึงผู้ค้าที่หากินกับการขายชุดนักศึกษาก็ยึดถือผลกำไรเป็นหลัก จนไม่คำนึงถึงความถูกต้องเหมาะสม” ...ส่วนนี่เป็นคำกล่าวของผู้ใหญ่ในมหาวิทยาลัยรัฐแห่งหนึ่ง ซึ่งนักการศึกษารายนี้ยังบอกด้วยว่า... “ปัญหานี้จะโทษเด็กฝ่ายเดียวไม่ได้ ต้องไม่ลืมที่จะมองฝ่ายอื่น ๆ ด้วย”










ที่มา : http://www.econ.mju.ac.th/ 

สาเหตุ

ปัจจุบัน ค่านิยมเรื่องเครื่องแต่งกายของวัยรุ่นวัยเรียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเครื่องแบบนักศึกษาหญิงและชายในระดับอุดมศึกษาตามสถาบัน ต่างๆ กำลังกลายเป็นสิ่งที่สังคมไทยเริ่มวิตกกังวลพฤติกรรมการแต่งกายแบบล่อแหลม ชอบสวมเสื้อที่รัดเข้ารูป กระโปรงสั้น ผ่าสูง หรือไม่ก็สวมกางเกงยีนซีดๆ ขาดๆ และสวมรองเท้าแตะ ซึ่งมองดูเป็นแฟชั่นที่ไม่เหมาะสม อาจก่อให้เกิดอันตรายถึงการถูกล่อลวงข่มขืนโดยเฉพาะอย่างยิ่งนักศึกษาหญิง ต้องยอมรับว่าแฟชั่นเสื้อผ้าการแต่งกายของวัยรุ่นเปลี่ยนแปลงไปมาก และนิยมแต่งตัวตามวัฒนธรรมจากต่างชาติ ยิ่งชุดเครื่องแบบนักศึกษาในปัจจุบันก็ได้รับอิทธิพลดังกล่าว 



การแต่งกายตามแฟชั่นของนักศึกษาสาวในยุคปัจจุบันที่นิยมแต่งกายแบบ "สั้นเต่อ รัดติ้ว"คือ ใส่เสื้อนักศึกษาแบบตัวเล็กๆรัดรูป และใส่กระโปรงสั้นมากๆ นอกจากกระโปรงจะสั้นแล้วยังนิยมใส่กระโปรงแบบผ่าสูง รองเท้าก็เป็นรองเท้าส้นสูงสีสันลวดลายแฟชั่นเป็นอย่างมาก ทำให้เห็นแล้วเป็นภาพที่ไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่ง ส่วนนักศึกษาชายก็ไม่แพ้กันนิยมแต่งกายแบบแนวเซอร์ๆ โดยเฉพาะการแต่งกายด้วยกางกางยีนแบบขาเดฟ  ปล่อยชายเสื้อออกนอกกางเกง สวมรองเท้าแตะ หรือรองเท้าแฟชั่นที่ไม่ใช่รองเท้าหนังสีดำ  ซึ่งจากปัญหาการ แต่งกายของนิสิต นักศึกษาอาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมต่างๆตามมา  อาทิ การล่วงละเมิดทางเพศ การข่มขืน เป็นผลทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียงของสถาบันและของตนเองด้วย

 สาเหตุของปัญหาการแต่งกายไม่เหมาะสมของนักเรียน น่าจะมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้

      1.แต่งการเลียนแบบแฟชั่น เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องปกติที่ใครๆเค้าก็แต่งกัน

      2.แต่งการเลียนแบบดาราหรือเลียนแบบต่างชาติ โดยคิดว่า การแต่งกายแบบนี้จะทำให้ตนดูดี และเป็นจุดเด่น

ผลกระทบที่เกิดจากปัญหาการแต่งกายไม่เหมาะสมของนักเรียน

1.แฟชั่น ชุดนักเรียนยุคใหม่ที่เน้นตามกระแสแฟชั่นได้รับความนิยมสูง ขายดีทั้งชุดของผู้ชายและผู้หญิงเพราะราคาถูก ดูทันสมัย แต่ความจริงแล้วการแต่งกายเสื้อผ้าเล็กเกินไป นอกจากจะดูไม่งามแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อสุขภาพอีกด้วย

         2.ปัญหาอาชญากรรม การถูกล่วงละเมินทางเพศ การข่มขืน การถูกล่อล่วงไปกระทำอนาจารส่งผลต่อวัฒนธรรมการแต่งกายที่ดีงามของนักศึกษา ที่เป็นปัญญาชนกลับถูกมองในด้านลบเสื่อมเสียไปถึงสถาบันที่ศึกษา

         3.เป็นการตามกระแสนิยมที่ผิดๆ เป็นกระแสนิยมที่ทำให้เกิดการเลียนแบบการแต่งกายของเด็กตามผู้ใหญ่ ทำให้สิ้นเปลื้องเงินของผู้ปกครองโดยใช่เหตุและยังเป็นการปลูกฝังค่านิยมแก่คนรุ่นน้องที่ผิดๆ

แนวทางแก้ไขปัญหา

1.กระทรวงศึกษาธิการ  กระทรวงวัฒนธรรม  สถาบันการศึกษาต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง  ควรร่วมมือร่วมใจกันรณรงค์การแต่งกายให้เหมาะสม

 2.ทางด้านสถาบันการศึกษาควรที่จะกำหนดกฎระเบียบ และกวดขันในเรื่องการแต่งกายอย่างเคร่งครัดและเอาจริงเอาจัง ควรมีการกำหนดบทลงโทษเรื่องการแต่งกายไม่เหมาะสม เพื่อให้นักศึกษาเกรงกลัวและปฎิบัติตาม



3.ทางด้านสื่อต่างๆ ควรจะนำเสนอตัวแบบหรือพรีเซนต์เตอร์การแต่งกายที่เหมาะสม เพื่อให้เป็นแบบอย่างที่ดีในเรื่องการแต่งกาย

ที่มา: http://tidakarn.blogspot.com/







ปัญหาการแต่งกายผิดระเบียบ เป็นปัญหาที่พบมากที่สุดโดยจะพบแทบทุกระดับชั้น ปัญหานี้ยังมีการแก้ไขอยู่แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะทำให้ปัญหานี้ลดลงไปได้ เพราะ สาเหตุ มีทั้ง การที่อยากดูดีในทางที่ผิด การเลียนแบบ รสนิยม การปรับตัวเพื่อเข้ากับกลุ่มเพื่อ การเลียนแบบจากรุ่นพี่ ความอยากที่จะสบาย………การใส่ถุงเท้าข้อสั้น1513252014-01-08 12.39.03สาเหตุการที่นักเรียนไม่พึ่งประสงค์กับกฎระเบียบของโรงเรียน เช่น การใส่ถุงเท้าข้อสั้น ใส่ถุงเท้าข้อสั้นเป็นการสะดวกในการใส่ถุงเท้าที่ง่ายการใส่โบว์ขนาดใหญ่เกินไป ขนาดของโรงเรียนที่ให้3เซนติเมตร มันเล็กไป

ที่มา:sbyoutofcontrol.wordpress.com






















วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

การวางแผน

การวางแผน

1.ให้สมาชิกในกลุ่มร่วมกันอภิปรายว่าจะเอาหัวข้อใด
2.สามชิกในกลุ่มร่วมกันอภิปรายหัวข้อเสร็จแล้วก็นำมาแบ่งให้สมาชิกในกลุ่มไปหาข้อมูลจากแหล่งต่างๆ
3.เมื่อสมาชิกในกลุ่มได้ข้อมูลมาแล้ว ก็นำมาปรึกษาครูว่าหัวข้อและข้อมูลนั้นได้หรือไม่
4.นำที่คุณครูมาพิจารณาเเละเเก้ไขให้ถูกต้อง
5.พอเเก้ไขเสร็จก็นำไปสรุปลงในแฟลชไดร์ฟ
                  
1.การแต่งกาย คือ การแต่งกายเป็น “เปลือกนอก” ของบุคคล ที่ถูกตีความและวัดคุณค่ามากที่สุด
          ความรู้สึกต่อการแต่งกายจะค่อนข้างรุนแรงในกลุ่มคนที่ชอบประเมินคนจากลักษณะภายนอก แม้ว่าในความเป็นจริง เราไม่ควรตัดสินคนจากสภาพที่เห็นภายนอก และการแต่งกายเป็นเสรีภาพเฉพาะบุคคล แต่การอยู่ร่วมกันในสังคมย่อมต้องมีกรอบ “ความเหมาะสม” บางประการที่กำหนดขึ้น เป็นเหมือนข้อตกลงที่ยอมรับร่วมกัน และคาดหวังว่าคนในกลุ่มจะปฏิบัติตาม เช่น ในสถานที่ทำงาน ในงานเลี้ยงที่เป็นพิธีการ ในการประชุมผู้บริหาร ในการพบปะลูกค้า ในงานเลี้ยงสังสรรค์ และในงานสังคมประเภทต่างๆ เป็นต้น
          ในงานเหล่านี้ย่อมมีการคาดหวังให้ผู้เข้าร่วมแต่งกายให้เหมาะสม ถูกต้องตามกาลเทศะ จากประสบการณ์การทำงานและการพบปะผู้คนที่หลากหลายมากว่า 30 ปี ผมได้ข้อสรุปความหมายของการแต่งกาย ซึ่งมีความหมายมากกว่าการนำเครื่องนุ่งห่มมาปกปิดร่างกาย และมีคุณค่ามากกว่าการทำหน้าที่เป็นเครื่องแสดงฐานะ หรือแสดงสไตล์ แสดงตัวตนของบุคคลนั้น ความหมายการแต่งกายของผม คือ “เครื่องมือสร้างงานและสร้างมิตรภาพ”

วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

การตั้งสมมติฐาน

การตั้งคำถาม

1.ปัญหาในการแต่งกายของเด็กนักเรียนโรงเรียนชะอวด ทำไมนิยมแต่งกายรัดรูปมากกว่าเด็กที่แต่งกายเรียบร้อย เพราะเหตุใด อย่างไร

  การตั้งสมมติฐาน

เพราะการเเต่งกายรัดรูปอาจจะเป็นค่านิยมของเด็กนักเรียนโรงเรียนชะอวด


วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ชิ้นงานที่1

                                                                 

เด็กติดเกมส์

  1. ทำไมเด็กต้องติดเกมส์
  2. ทำไมเด็กชอบเล่นเกมส์
  3. ทำไมเด็กไม่สนใจการเรียนให้มากกว่าการเล่นเกมส์
  4. ทำไมเด็กต้องเล่นเกมส์เป็นประจำ
  5. ทำไมเด็กไม่เล่นเกมส์ให้เป็นเวลา
  6. ทำไมเด็กไม่เลิกเล่นเกมส์
  7. ทำไมเด็กชอบการเล่นเกมส์มากกว่าการเรียน
  8. ทำไมเกมส์จึงทำให้เด็กติด
  9. ทำไมถึงต้องมีเกมส์
  10. ทำไมเด็กจึงต้องทำให้เด็กเลียนเเบบตามเกมส์







เด็กติดยาเสพติด

  1. ทำไมเด็กต้องติดยาเสพติด
  2. ทำไมเด็กต้องเสพยาติด
  3. ทำไมเด็กชอบเสพสารเสพติด
  4. ทำไมเด็กต้องไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด
  5. ทำไมเด็กไม่สนใจการเรียนให้มากกว่าการไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด
  6. ทำไมเด็กไปยุ่งกับคนที่เสพสารเสพติด
  7. ทำไมเด็กไม่เชื่อฟังพ่อแม่ว่าอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับสารเสพติด
  8. ทำไมยาเสพติดจึงเเพร่กระจายทั่วประเทศ
  9. ทำไมยาเสพติดจึงผลิตขึ้นมา
  10. ทำไมยาเสพติดจึงทำให้คนเป็นโรคประสาทฃ
  11. ทำไมยาเสพติดจึงไม่หมดไปจากประเทศ
  12. ทำไมตำรวจจึงไม่เข้มเเข็งด้านยาเสพติด











ประวัติส่วนตัว



                                                 

                                         ประวัติส่วนตัว

ชื่อ ด.ญ. กมลวรรณ ขุนฤทธิ์แก้ว ชื่อเล่น สาว สัญชาติ ไทย ศาสนา ไทย ชอบวิชาคณิตศาสตร์
ไม่ชอบวิชา นาฏศิลป์ กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่2/4 อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช วันเกิด 2 พฤศจิกายน พ.ศ.2543
บิดาชื่อ นาย มนตรี ขุนฤทธิ์แก้ว อายุ 47 อาชีพ นักการภารโรง
มารดาชื่อ ปรีดา ขุนฤทธิ์แก้ว อายุ 43 อาชีพ ค้าขาย
เป็นบุตรคนที่3 มีพี่น้อง 3คน
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 78 ม. 2 ต.ท่าประจะ อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช











ชื่อ ด.ญ. เสาวรส ช่าวยแดง ชื่อเล่น บีม สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ                           ชอบเรียนวิชา พละ
ไม่ชอบวิชา อังกฤษ                                                                                                         กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่2/4 อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช                               วันเกิด 18 พฤศจิกายน พ.ศ.2543
บิดาชื่อ นายสุรศักดิ์  ช่วยเเดง อายุ 41 ปี   อาชีพ ก่อสร้าง                              
มารดาชื่อ นางวิภารัตน์  พงศาปาน อายุ42 ปี   อาชีพ ทำสวนเเละค้าขาย
เป็นบุตรคนที่ 3 คน มีพี่น้องทั้งหมด 3 คน
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 156 ม.6 ต.นางหลง อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช









ชื่อ ด.ญ. เพ็ญนภา ลายกายศ ชื่อเล่น ฝน  สัญชาติ ไทย ศาสนา พุทธ ชอบเรียนวิชา ภาษาไทย
ไม่ชอบวิชา อังกฤษ กำลังศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปี่ที่2/4 อ.ชะอวด จ.นครศรีธรรมราช วันเกิด 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2543
บิดาชื่อ นาย ไสว ลายกายศ อายุ 34 อาชีพ ก่อสร้าง
มารดาชื่อ นาง วิยะดา ลายกายศ อายุ 30 อาชีพ โรงงาน
เป็นบุตร คนที่ 1 มีพี่น้อง  3 คน
ที่อยู่ปัจจุบัน บ้านเลขที่ 74/3 ต.นางหลง อ.ชะอวด จ.นครศีธรรมราช